นอท กองสลากพลัส จ่อวุ่นอีก ดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกเข้าชี้แจงกรณี 39 เส้นทางการเงิน มูลค่า 1090 ล้านบาท หลังพบมีเงินจากธุรกิจต้องสงสัยโอนเข้ามา ชั่วโมงนี้ไม่มีใครเป็นข่าวถี่เท่านี้อีกแล้ว สำหรับ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” ที่ล่าสุดวันนี้ (19 ม.ค.66) ได้มีรายงานว่าเจ้สาตัวถูก ดีเอสไอ ออกหมายเรียกให้เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีพบเส้นทางการเงิน หลังพบมีการรับโอนเงินจากธุรกิจต้องสงสัย
นายพงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ
เปิดเผยว่า นัดหมายพยานเข้าให้ถ้อยคำในคดีที่พบว่ารับโอนเงินของผู้ต้องหาในคดีพนันออนไลน์ที่ถูกจับได้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยวันนี้มีพยานรวม 7 คนที่ต้องเข้าให้ถ้อยคำ ซึ่งในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกับนายพันธ์ธวัช หรือ นอท กองสลากพลัส ที่ถูกออกมาเรียกมาให้ถ้อยคำไปแล้ว ผู้ต้องหากลุ่มนี้อยู่ในสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 288/2565 ที่จับผู้ต้องหาเปิดบัญชีม้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์และพบการโอนเงินไปให้หลายบุคคล โดยเฉพาะนายพันธ์ธวัช หรือนอท เป็นจำนวนเงินประมาณ 53 ล้านบาท
ส่วนในกลุ่มทั้ง 7 คนที่เรียกเข้าให้ถ้อยคำ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีเงินหมุนเวียนรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งทุกคนต้องเข้ามาให้ถ้อยคำถึงที่มาของเงินดังกล่าวว่า มีที่มาจากธุรกิจอะไรบ้าง ซึ่งจากหลักฐานที่พนักงานสอบสวนมีอยู่เชื่อได้ว่า บุคคลกลุ่มนี้เป็นผู้รวบรวมบัญชีม้า ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย
จากการสืบสวนยังพบว่านายพันธ์ธวัช รับโอนเงินจากกลุ่มที่ทำธุรกิจต้องสงสัยว่าผิดกฎหมายรวม 39 เส้นทางเงิน เป็นเงินกว่า 1,090 ล้านบาท ดีเอสไอได้ตั้งคดีพิเศษสืบสวนใหม่อีกคดีคือคดีพิเศษที่ 6/2566 และจะออกหมายเรียกให้นายพันธ์ธวัช เข้ามาชี้แจงถึงเส้นทางการเงินอีก 1 หมาย โดยในวันที่ 26 ม.ค.นี้ ที่นายพันธ์ธวัช จะนำเอกสารทางการเงินมอบให้พนักงานสอบสวน ก็จะแจ้งให้ทราบถึงประเด็นนี้
ส่วนในกลุ่ม 7 คน ที่ถูกออกหมายเรียกหนึ่งในนั้นคือ “นายกฤษ” หุ้นส่วนธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ส่วนผู้ที่ไม่เข้ามาให้ถ้อยคำในวันนี้ พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาขอศาลออกหมายจับในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากได้ขอเลื่อนเข้าให้ถ้อยคำตามหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
ทั้งนี้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาการอธิบดีดีเอสไอ กรณีดังกล่าวต้องใช้เวลาเนื่องจากมีผู้ที่มีอิทธิพลและมีชื่อเสียงจำนวนหลายคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
“เรื่องขององค์กรก็เป็นเรื่องขององค์กร เรื่องของตัวบุคคลก็เป็นเรื่องของส่วนบุคคล ตนเองจริงๆก็เป็นข้าราชการตำรวจ พี่ๆน้องๆในสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่างก็รู้จักกันและให้ความเคารพกันเสมอมา แต่ในเรื่องขององค์กรถ้าหากมีใครกระทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิดและทางดีเอสไอพร้อมที่จะให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ และเมื่อเช้านี้ก็ยังมีผู้แทนจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรและเจ้าหน้าที่ ตม. เข้ามาให้ข้อมูลกับทางดีเอสไออย่างใกล้ชิด ยืนยันว่าดีเอสไอและสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน” พ.ต.ต.สุริยา ระบุ
นร.วอนเลิก แจกวาร์ป “คลิปครูศิลปะกับนักเรียน” งดแชร์คลิป ให้มันเป็นอดีตได้ไหม
นักเรียนเหยื่อครูศิลปะแอบมีสัมพันธ์กับนักเรียนเคลื่อนไหวผ่านโซเชียล #โรงเรียนชื่อดังย่านโนนสูง วิงวอนให้เรื่องที่เกิดเป็นอดีต ตอนนี้อยากตั้งใจเรียน สังคมรณรงค์หยุดขอคลิปเพราะเหยื่อยังเป็นเยาวชน คืบหน้ากรณีข่าวฉาว คลิปหยุดครูศิลปะโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา มีอะไรกับเด็กนักเรียนชั้นมัธยมพร้อมกับอัดคลิปเก็บไว้ ซึ่งมีเหยื่อซึ่งเป็นลูกศิษย์มากกว่า 10 คน โดยหลังคลิปหลุดว่อนโซเชียลทางผู้ก่อเหตุได้พยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จนั้น
ล่าสุดบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ซึ่งคาดว่าอาจเป็นหนึ่งในนักเรียนที่อยู่ในคลิปได้ออกมาพูดสั้น ๆ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าอยากให้เรื่องเป็นอดีต วอนทุกคนช่วยหยุดพูดถึงเรื่องนี้ ปล่อยให้เป็นไปตามกรรม อยากตั้งใจเรียน
“ให้มันเป็นอดีตได้ไหมคะ หนูอยากตั้งใจเรียนเเล้ว ไม่อยากให้ทุกคนพูดถึงมันอีกเเล้ว ให้มันไปตามกรรมเถอะค่ะ”
ขณะเดียวกันหลายคนก็ออกมารณรงค์ให้หยุดขอคลิปและหยุดส่งต่อคลิปฉาวดังกล่าว เนื่องจากคนในคลิปยังเป็นเยาวชน นอกจากเป็นสิ่งที่ไม่สมควรแล้ว อาจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาถึง 3 ข้อหา โดยเฉพาะ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287/1 ผู้ใดครอบครองสื่อ…เด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าผู้กระทำความผิดดังกล่าวส่งต่อซึ่งสื่อเด็กแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ในส่วนของคดี ทางตำรวจได้อายัดตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว และแจ้งข้อหา 2 ข้อหาคือ 1.) พรากผู้เยาว์ 2.) นำข้อมูลสื่อ…เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และนำตัวครูไปฝากขังไว้ที่ศาลจังหวัดนครราชสีมาเรียบร้อยแล้ว
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เซ็กซี่บาคาร่า